ปิโตเลียม
คุณรู้จัก “ปิโตรเลียม” ดีพอหรือยัง?
“ปิโตรเลียม” ( Petroleum )
เมื่อมีการสำรวจพบแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ผิวดิน 3-4 กิโลเมตร แล้วผลิตขึ้นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ มันก็จะมีทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซคอนเดนเสท และน้ำ ปนๆกันขึ้นมา แหล่งไหนที่พบน้ำมันดิบมากกว่า
ก๊าซ ก็มักจะเรียกแหล่งปิโตรเลียมนั้นว่า แหล่งน้ำมัน เช่น แหล่งน้ำมันดิบสิริกิติ์ ส่วนแหล่งไหนที่พบก๊าซมากกว่าน้ำมันดิบ ก็มักจะเรียกแหล่งปิโตรเลียมนั้นว่า แหล่งก๊าซ เช่น แหล่งก๊าซบงกช แหล่งก๊าซเอราวัณ
ในอ่าวไทย เป็นต้น
ก๊าซธรรมชาติที่พบนั้น ก็แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. “ก๊าซแห้ง” หรือ “dry gas” ที่มีน้ำหนักเบาสุด มีองค์ประกอบของมีเทน เป็นส่วนใหญ่ และ 2. “ก๊าซเปียก” หรือ “wet gas” ส่วนใหญ่มีองค์ประกอบของก๊าซธรรมชาติเหลว เช่น อีเทน โพรเพน บิวเทน เพนเทน และเฮกเซน ที่เหมาะสำหรับการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ประเทศไทยเราโชคดีที่ก๊าซธรรมชาติที่ค้นพบในอ่าวไทยส่วนใหญ่เป็นก๊าซเปียก ดังนั้น จึงมีการส่งก๊าซจากแหล่งปิโตรเลียมของผู้รับสัมปทานทั้งหลายในอ่าวไทยผ่านมาทางท่อขึ้นฝั่งที่มาบตาพุด เข้าสู่โรงแยกก๊าซธรรมชาติเพื่อแยกเอาส่วนที่เป็นมีเทนไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม หรือถ้าเอาไปเพิ่มความดัน (Compressed Natural Gas) หรือ CNG บรรจุใส่ถังใช้ในรถยนต์ ที่เราก็มักจะเรียกว่า ก๊าซ NGV
ส่วนที่เป็นอีเทน โพรเพน บิวเทน เพนเทน และเฮกเซน ก็จะส่งเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตเป็นเม็ดพลาสติก ในขณะที่โพรเพนที่ผสมกับบิวเทน ก็กลายเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas : LPG) ที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคครัวเรือน หรือที่รู้จักกันว่า ก๊าซหุงต้ม ถ้าไปเติมใช้ในรถยนต์ก็มักเรียกว่า แก๊สรถยนต์ หรือ แก๊ส ส่วนนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะเรียกว่า “ก๊าซแอลพีจี”
ในสายของน้ำมันดิบและคอนเดนเสท นั้น ก็จะส่งเข้าโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปชนิดต่างๆ เช่น ดีเซล เบนซิน น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา และน้ำมันก๊าด รวมถึงยางมะตอย เพื่อนำไปใช้ในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม โดยในกระบวนการกลั่นนั้นยังได้ก๊าซ LPG ออกมาเป็นผลพลอยได้อีกทางหนึ่งด้วย
แม้ว่าประเทศไทยจะมีแหล่งปิโตรเลียมในประเทศ โดยผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบได้เอง แต่ในข้อเท็จจริงนั้น ปริมาณที่ผลิตได้ก็ยังถือว่าไม่เพียงพอกับปริมาณความต้องการใช้ในแต่ละวัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อเสริมความมั่นคง
ก๊าซธรรมชาติ ที่นำเข้าในรูปก๊าซนั้น มาจากประเทศเมียนมา ผ่านทางท่อส่งก๊าซไทย-เมียนมา ทางฝั่งภาคตะวันตกของประเทศ ส่วนก๊าซธรรมชาติ ที่นำเข้าจากประเทศที่อยู่ไกลออกไป จะนำเข้ามาในรูปของก๊าซธรรมชาติที่เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว ที่เรียกว่า Liquefied natural gas หรือ LNG ซึ่งขนส่งมาทางเรือขน LNG โดยเฉพาะ และมีสถานีรับจ่าย LNG เป็นของปตท. อยู่ที่มาบตาพุด จ.ระยอง
ส่วนน้ำมันดิบที่นำเข้านั้น ส่วนใหญ่จะมาจากแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลาง ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับสเปคของโรงกลั่นไทย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% ของความต้องการใช้ เช่นเดียวกับก๊าซ LPG ที่ต้องมีการนำเข้ามาด้วยเพราะที่ผลิตได้ทั้งจากโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นนั้นไม่เพียงพอกับความต้องการใช้